ในปี พ.ศ. 2560 นี้ เข้าสู่ปีที่ 15 ของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ หรือ สสส. เป็นที่มาของงาน “15 ปี สสส. การเดินทางของความสุข” ซึ่งจัดขึ้นเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2560 ณ อาคารศูนย์เรียนรู้สุขภาวะ ซอยงามดูพลี
ภายในงานประกอบด้วยนิทรรศการ “การเดินทางของความสุข” การแสดงผลงานนวัตกรรมสร้างเสริมสุขภาพที่เกิดจากการทำงานของ สสส. ร่วมกับภาคีเครือข่าย ซึ่งกระจายอยู่ทั้ง 6 ชั้นของอาคาร สสส. เช่น บูธนิทรรศการชุมชนน่าอยู่ สู่ชุมชนเข้มแข็ง ที่ชั้น 3 บูธองค์กรสุขภาวะในยุค 4.0 ที่ชั้น 4 บูธเด็กไทยรู้ทันการพนัน ที่ชั้น 5 บูธตำบลน่าอยู่ (สุขภาวะ) ที่ชั้น 6 เป็นต้น
ในช่วงเช้าเป็นช่วงพิธีการเปิดงาน ณ ห้องประชุม 201 โดยเริ่มต้นด้วยการฉายวีดิทัศน์ “การเดินทางของความสุข” ต่อด้วยการกล่าวรายงาน โดย ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ จากนั้นเข้าสู่ช่วงพิธีเปิดงาน โดยมี พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รองนายกรัฐมนตรีและประธานกรรมการกองทุน สสส. เป็นประธานในพิธีเปิดงาน
ไฮไลท์สำคัญอีกหนึ่งอย่างของงานนี้ คือ “ThaiHealth’s Talk” เวทีสร้างแรงบัลดาลใจ ที่นำเอานักสร้างการเปลี่ยนแปลงทางสังคมทั้ง 13 คน จากหลากหลายวงการ มาขึ้นเวทีทอล์กโชว์สร้างแรงบัลดาลใจ ให้แก่ผู้ฟัง ยกตัวอย่างเช่น ศ.นพ. ประกิต วาทีสารกิจ ผู้ร่วมก่อตั้งมูลนิธิรณรงค์เพื่อการไม่สูบบุหรี่ ที่ขึ้นมาเล่าเรื่องการต่อสู้ในเรื่องการรณรงค์การไม่สูบบุหรี่ ซึ่งกว่าจะประสบความสำเร็จได้ก็ต้องใช้เวลานานหลายสิบปี
ทางด้านของทรงกลด บางยี่ขัน นักเขียนและพิธีกร ก็มาเล่าประสบการณ์ทำงานที่นิตยสาร a day ซึ่งตนเคยสนใจจะเผยแพร่เรื่องจักรยานมาตั้งแต่หลายปีก่อน นำมาสู่การเริ่มต้นปั่นจักรยานอย่างจริงจัง จากนั้นในเวลาต่อมาก็สามารถการทำรายการโทรทัศน์ Do the ride thing ได้สำเร็จ และที่สำเร็จกว่านั้น คือการจัดเทศกาลจักรยานที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยเป็นครั้งแรก ในงาน “a day BIKE FEST” ซึ่งมีคนมาร่วมงานกันเป็นจำนวนมาก และช่วยส่งเสริมให้คนไทยหันมาใช้จักรยานกันเพิ่มมากขึ้น
และอีกท่านหนึ่ง ซึ่งเป็น ผู้มีประสบการณ์ทำงานราชการ และคลุกคลีอยู่กับงานด้านสังคมมานานหลายสิบปี คือท่านธวัชชัย ไทยเขียว รองปลัดกระทรวงยุติธรรม ท่านนิยามตนเองว่าเป็น “ข้าราชการ NGOs” แม้จะเป็นข้าราชการ แต่ก็ดำเนินงานที่ช่วยเหลือชาวบ้านมาตลอดอายุราชการ รองปลัดกระทรวงยุติธรรมเล่าว่า ชีวิตตนในตอนเด็ก ไม่เคยคิดว่าจะได้เดินทางสู่สายงานที่ทำอยู่ปัจจุบัน และเล่าย้อนถึงชีวิตในวัยเด็กของตนว่าเป็นลูกชาวนา และเป็นคนที่เรียนหนังสือไม่เก่ง จึงไม่ได้คิดที่จะเรียนสูง แต่เมื่อเห็นบิดามารดาของตนลำบาก พอเริ่มโตขึ้นจึงเริ่มใช้ชีวิตหาเลี้ยงด้วยตนเอง ด้วยการทำงานรับจ้าง หลังจากนั้นก็ได้ไปอาศัยอยู่วัดวัดสระเกศ มีโอกาสได้รับใช้ท่านเข้าอาวาส และมีโอกาสได้พบคนหลายระดับ ตั้งแต่ชาวบ้านทั่วไป ไปจนถึงระดับนายกรัฐมนตรี ซึ่งเจ้าอาวาสเป็นผู้ที่คอยสอนตนในหลายๆเรื่อง ทั้งการพูดคุยกับคนหลากหลายในข้างต้น และส่งเสริมให้อ่านหนังสือโดยเริ่มต้นมาจากหนังสืองานศพ และต่อมาก็ส่งเสริมให้ตนได้เรียนต่อที่วิทยาลัยครู และเข้าสู่สายงานราชการในเวลาต่อมา
แรงบัลดาลใจของท่านธวัชชัยคือ “การก้าวข้ามตนเอง” ปัญหาของตนเองมีไว้แก้ ไม่ได้มีไว้เพื่อความทุกข์ เมื่อผิดเราก็ต้องยอมรับว่าผิด และต้องสามารถเอ่ยคำขอโทษได้กับคนทุกระดับ ประสบการณ์ทำงานราชการของรองปลัดกระทรวงยุติธรรมท่านนี้ คือการทำงานช่วยเหลือชาวบ้านคนยากจน งานของท่านจึงเสมือนเป็น NGOs ไปด้วยอีกทางหนึ่ง โดยคติในการทำงานอีกอย่างของท่านคือ “ข้าราชการต้องทำเพื่อประชาชน”